“ขายดีไหมป้าช่วงนี้”

เป็นสิ่งใหม่ที่ฉันเพิ่งเรียนรู้ที่จะลองทำเป็นนิสัย คนขายผัก ป้าขายขนมจีบ ลุงขายก๋วยเตี๋ยว ไปจนถึงร้านเสื้อผ้านำเข้ารายย่อย ธุรกิจเป็นอย่างไรบ้าง ทุกคนดูเหมือนมีคำตอบเดียวกันที่จุกอกรอให้คนมาถามอยู่ มันเหมือนกับการถามคนรอบตัวว่า “ช่วงนี้เป็นไงบ้าง โอเคนะ?” เวอร์ชันสำหรับถามคนในชุมชนที่เราไม่รู้จัก

คำตอบก็มีอยู่หลากหลาย ตั้งแต่ “เท่าทุนลูกเอ้ย” “ถ้าไม่ขายทุกวันก็ไม่มีกิน” “ต้องตัดที่ไม่จำเป็นออกหมดครับ” “เข้าเนื้อมานานแล้วค่ะ” ไปจนถึง “ถ้าเป็นแบบนี้ไปอีกซักปีคงปิดถาวรแล้วครับ” และนั่นคือคำตอบของร้านอาหารดังร้านหนึ่งของย่าน ไม่มีใครให้คำตอบในทางที่ดี ตั้งแต่รายย่อยรายใหญ่ ทุกคนลำบากเหมือนกัน เหมือนพวกเขารอใครซักคนมาถามไถ่ ปลดปล่อยความเครียดไปบ้าง

เศรษฐกิจของเราย่ำแย่เหลือทน เทียบกับย่านอารีย์เมื่อต้นปี แม้จะมีโควิดแล้ว แต่พลังแห่งความรักในการเช็คอิน เซลฟี่ร้านกาแฟน่ารักของคนไทย ยังคงส่งผลให้มีร้านเปิดใหม่ให้เห็นแทบจะรายสัปดาห์ แต่ถึงวันนี้ ผู้คนบางตา ระแวดระวังโรคภัยในอากาศ แต่พ่อค้าแม่ค้ายังคงยืนหยัดขายของริมถนน หากไปถามเขา เราจะได้คำตอบว่า

“ถ้ากักตัวแล้วจะเอาอะไรกินล่ะหนู?”

ทำให้ฉันพลางคิดถึงตัวเองว่า ฉันก็พูดแบบนี้กับตัวเองเหมือนกัน ถ้าฉันไม่ออกมาเดินเสี่ยงเก็บคอนเทนต์ สร้างเพจนี้ แล้วจะเอาอะไรกิน เราต่างอยู่บนความเสี่ยงทั้งการเงินและสุขภาพโดยแทบไม่มีเบาะรับความเสี่ยงจาภาษีที่จ่ายไปเลย

เราอยากใช้โพสต์นี้ชวนเพื่อน ๆ หันมาซื้อของจากร้านใกล้ตัวแทน แม้บางครั้งราคาจะแพงกว่า หรือคุณภาพอาจด้อยกว่าสินค้าที่ผลิตจากโรงงานใหญ่วันละเป็นแสนชิ้น แต่มันมีคนที่ถูกเลิกจ้าง หันมาเปลี่ยนบ้านตัวเองเป็นร้านอาหารขายส่งเดลิเวอรี่ มีคนที่ขุดเอาสูตรอาหารตำรับจากปู่ย่ามาทำขาย หรือ ฉันเคยเจอแม้กระทั่งคนที่ขอเอาน้ำเต้าหู้มาให้ฉันกินฟรี เพื่อให้เห็นว่าเขาทำอร่อย ช่วยซื้อจากเขาแทนเถอะ เพราะเขาหมดทางหากินแล้ว

ใช้โอกาสตรงนี้ถามเขาหน่อย ว่าเป็นไงขายดีขึ้นไหม เดี๋ยวช่วยบอกต่อนะ แล้วคุณจะได้คำขอบคุณตัวใหญ่ ๆ จากเพื่อนบ้านคนใหม่ของคุณเลย

ถ้าใครอ่านมาถึงตรงนี้ ความตั้งใจของเราคือ ถ้าเพจมีคนฟอลฯ ถึง 1,000 เมื่อไหร่ จะให้ใครก็ได้มาฝากร้านกัน ตอนนี้เกินพันแล้ว เชิญฝากร้านได้เลยนะ จะอยู่อารีย์ หรือย่านไหน จังหวัดไหนของประเทศนี้ เชิญได้เลย

รัก

At Soi Ari

Comments are closed.