“พอได้เดินเข้ามาที่ ซอยศาสนา แล้วรู้สึกคุ้นชินเหมือนกลับมาอยู่ซอยบ้านตัวเอง บ้านเราก็เป็นตึกแถวเก่า ๆ มีโครงเหล็กดัดที่หน้าต่าง เหมือนกับตึกแถวที่ซอยศาสนาเป๊ะเลย ตอนที่เราเดินเข้าไปเราเลยรู้สึกอบอุ่น รู้สึกอยู่ในพื้นที่ของตัวเอง ในทางกลับกัน ถ้าถามว่าสิ่งที่เราสัมผัสได้จากซอยอารีย์คืออะไร เราคงรู้สึก “ตรงกันข้าม” กับความรู้สึกที่มีกับซอยศาสนา เพราะความหรูหราในซอยอารีย์มันห่างไกลความเป็นบ้านในเขตบางแคของเรามากครับ
ก็เลยคิดว่า ถ้าจัดนิทรรศการศิลปะ เราคงเลือกดอกดาวเรือง เพราะไม่ว่าจะที่ซอยอารีย์ หรือซอยศาสนา เราจะเห็นพวงมาลัยดอกดาวเรืองอยู่ในทุก ๆ ที่ ไม่ว่าจะแขวนอยู่ที่หน้าศาลพระภูมิของอพาร์ตเมนต์ เกี่ยวอยู่กับต้นไม้ข้างร้านรถเข็น หรือแม้แต่วางอยู่บนหิ้งพระในบ้าน เรารู้สึกว่าดอกดาวเรืองเป็นดอกไม้ที่ผู้คนที่ต่างฐานะ ต่างชนชั้น ต่างที่มา มีความเห็นร่วมกันทางด้านความเชื่อ และยอมเสียเงินเพื่อซื้อดอกไม้ชนิดนี้เพื่อความหวังในการขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์
สำหรับเราเราเห็นว่ากำแพงที่มันคอยแบ่งแยกผู้คนออกจากกันด้วยเงื่อนไขทางสังคม หรือเศรษฐกิจ มันถูกทำลายไปได้ด้วยความเชื่อเรื่องโชคลาภ และความต้องการจะมีความหวังผ่านพวงมาลัยดอกดาวเรืองเหล่านี้ครับ”
“เมื่อไม่นานมานี้เราชวนคนมาเดินเก็บ ขยะในซอยอารีย์ เราเองก็ย้ายมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่อยู่ ม.5 สมัยนี้อารีย์ชิคมาก เลยมักจะคิดไปเองว่าอารีย์สะอาดกว่าที่อื่น ทั้งที่จริง ๆ แล้วเราเดินจาก GUMP ไป Yellow Lane Cafe ก็เก็บขยะไปเยอะไม่น้อยกว่าที่อื่นเลย เราเป็นคนที่เติบโตและทำงานมากับ ทะเล อยากบอกว่า ขยะ ที่เห็นที่ ทะเล ส่วนมากมันก็มาจากที่ทิ้งบนบกเนี่ยแหละ ถ้าเรายังไม่ลดการสร้างขยะ มันก็ทำให้ปริมาณขยะมันก็จะมากเกินกว่าจะเอาไปรีไซเคิลหรือจัดการอะไรได้ พวกพลาสติกที่ทิ้งอยู่ในบ่อขยะ มันก็จะถูกลมพัดปลิวลงแม่น้ำไปได้เรื่อย ๆ
ขยะที่เราเจอเยอะและบ่อยที่สุดในอารีย์คือก้นบุหรี่ค่ะ เพราะว่ามันมีขนาดเล็ก และวันนึงคนก็สูบวันละหลายมวน ต้องมีที่เขี่ยบุหรี่ถึงจะทิ้งได้ และบุหรี่มันมีส่วนที่เคลือบด้วยพลาสติก มันจึงไม่สามารถย่อยสลายตามธรรมชาติได้ และด้วยขนาดเล็ก ทำให้มันไหลลงท่อระบายน้ำ หรือแม่น้ำลำคลองได้ง่ายกว่าขยะแบบอื่น ๆ
ตอนที่เราไปอาสาช่วยรักษาน้องพะยูนมาเรียมก็เฮิร์ทมาก เพราะหลังจากที่น้องเสียแล้ว หมอเขาผ่าชันสูตรศพมาเรียมพบว่ามีถุงพลาสติกอุดตันในลำไส้จึงทำให้การรักษามาเรียมที่ป่วยอยู่ในตอนนั้นเป็นไปได้ยาก พอเราไปเที่ยวทะเลไม่ว่าที่ไหนก็ตามเราจะเก็บขยะเท่าที่เราทำได้ เพราะทะเลเป็นมากกว่าแค่สถานที่พักผ่อน แต่ทะเลคือแหล่งอาหารสำคัญของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด รวมถึงมนุษย์เราด้วยค่ะ”
“ตอนนี้มีแต่คนขยาดกับคำว่า “บริษัทเราทำงานเหมือนครอบครัว” แต่สำหรับงานที่ผมทำ ทำให้ผมรู้สึกเหมือนอยู่ในครอบครัวจริง ๆ ผมเป็นพนักงานที่ร้าน ไอติม Guss Damn Good มาตั้งแต่สาขาแรกเลย บ้านผมเป็นชนชั้นกลางค่อนไปทางล่าง เราก็ต้องดิ้นรนหาเงิน ตอนนั้นผมต้องหางานหารายได้ไปสมัคร Work and Travel เพื่อที่จะไปหาเงินอีกที ผมก็เลยมาทำงานเป็นคนตักไอติมตอนนั้น เป้าหมายคือแค่เพราะต้องหาเงินจริง ๆ
แต่ตอนจะไปพี่ ๆ เจ้าของแบรนด์เขาบอกกับเราว่า พีทกลับมาเมื่อไหร่ พีทมาทำงานกับเรานะ คือเขาจะเช็กความสัมพันธ์กับเราตลอด ผมว่า หัวหน้าที่ดีคือหัวหน้าที่ใส่ใจ ไม่ใช่แค่ว่ามีเป้าหมายแล้วให้ลูกน้องไปถึงจุดนั้นให้ได้ แต่เขาต้องช่วยเราเรียนรู้ด้วยว่าไปถึงจุดนั้นได้ยังไง
ความฝัน ผมอยากเป็นนักวาดภาพประกอบตามความชอบของเราแหละครับ แต่ถ้าพูดจริง ๆ มันก็คืออยู่กับแบรนด์นี้แหละ อยากจะเติบโตทางอาชีพไปพร้อม ๆ กันครับ”
“เสื้อตัวนี้แลกได้มาจากงาน Clotheswap ปีที่แล้วครับ คือมันไม่ได้ดูมีราคาขนาดนั้นนะ แต่เห็นหรือใส่แล้วรู้สึก Spark joy ดีต่อใจ เพราะเราชอบเสื้อผ้าเรียบ ๆ หรือมีกิมมิกนิดหน่อยไม่เยอะมาก มันดูอยู่กับเราได้นาน ไม่เบื่อง่าย ไม่มาไวไปไวเหมือนเสื้อผ้า Fast fashion
ช่วงหลังมานี้ อินกับการเป็น Minimalist มาก แต่ไม่ได้สุดโต่งนะ เราแค่พยายามมีสติกับการเอาอะไรเข้าบ้านมากขึ้น ข้าวของส่วนใหญ่เลยมีฟังก์ชันที่หลากหลายและให้ประโยชน์เป็นอันดับแรก รองลงมาคือความสวยงาม จรรโลงใจ แล้วก็พบว่าการมีของน้อย มันทำให้ตัวเราเบาขึ้น สบายใจขึ้น และที่สำคัญห้องไม่รกมาก (หัวเราะ)
อย่างเสื้อผ้านี่ก็จำกัดไม้แขวน ที่เหลือก็พับเข้าชั้น ใส่จริง ๆ ก็ไม่กี่ตัวหรอก ถ้าล้นชั้นก็จะเริ่มเอามาพิจารณมาใหม่ แล้วก็ตัดใจบริจาค”
“รอลุ้นหวยอยู่จ้า ถ้าถูกงวดนี้กิน ขนมถ้วย ฟรีไปเลย!
วันนี้ป้าน้อยอารมณ์ดี ขายได้เยอะ ดูสิเหลือแค่นี้เอง จาก 700 ถ้วย ถือว่าขายดีนะ ขนมถ้วย ของป้าเนี่ย จะไม่ใช่ขนมถ้วยแบน ๆ อันนั้นเขาขายในร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ ป้าทำแบบนั้นมันใส่กล่องขายไม่ได้ หน้ามันเละ ขนมถ้วยที่ดีป้าจะบอกให้นะ ตอนนึ่งอย่าตั้งไฟแรง ตั้งไฟอ่อน ๆ ไม่งั้นไม่เค็ม ไม่มัน
ที่เห็นนี่ป้าทำเองไม่ไหวหรอก! วันนึงเป็นพัน ๆ ถ้วยต่อวัน กว่าจะทำ กว่าจะล้าง ป้าเช่าบ้านอยู่กับคนขายหนมถ้วยอีก 4 คน ผู้หญิงสามผู้ชายสอง ตื่นเช้ามาเราก็ทำขนมถ้วยด้วยกัน วันละประมาณ 700-1,000 ถ้วย เสร็จแล้วก็แยกย้ายกันเข็นขายแถวนี้แหละ ซึ่งถ้วยเซรามิกมันหนักมาก ขายเสร็จเราก็ต้องมานั่งล้างถ้วยด้วยกันเป็นกะละมัง มันก็เป็นแบบนี้แหละจ้ะ”
“ช่วงวาเลนไทน์เรางานเยอะกว่าเดิมหลายเท่าครับ เป็นเหมือนกันแบบนี้ทุกร้าน ตั้งแต่วันที่ 10 เป็นต้นมา จากที่ทำกันสองคน ก็ต้องเพิ่มเป็นห้าคน ชวนน้อง ๆ มาเร่งทำตามออเดอร์ ต้องคิดแบบแพตเทิร์นสำหรับแต่ละปี เป็นแบบนี้กันมาหลายปี ทำกันจนดึกดื่นหรือไม่ได้นอนนี่เป็นเรื่องปกติ พอหลังวันที่ 14 ก็จะค่อย ๆ ซาลง
พี่จบมาทางด้านศิลปะ จาก มช. จำได้ว่าวิชาที่ชอบที่สุดตอนนั้นคือการจัดดอกไม้ รู้สึกมีความสุขกับมันมาก งานแรกที่ได้ทำคือ จัดดอกไม้ในโบสถ์ หลังจากนั้นก็ย้ายมากรุงเทพ แต่ก่อนร้านเราอยู่ตรงห้องแถวตรงปากซอยครับ เดี๋ยวนี้เขาทุบกลายเป็นคอนโดนานแล้ว ก็เลยย้ายมาตรงนี้ 14 ปีแล้ว ลูกค้าแถวนี้ก็จะรู้จักกันจำกันได้ ชาวต่างชาติที่อยู่คอนโดก็จะบอกต่อกัน
งานจัดดอกไม้มันเหมือนเราได้ความสุขสามต่อนะ คืองานพี่มันได้อยู่กับสิ่งสวย ๆ งาม ๆ เป็นสิ่งที่เราชอบอยู่แล้วในแต่ละวัน พอลูกค้าที่สั่งมารับแล้วเขาแฮปปี้เราก็มีความสุข พอลูกค้าเอาไปให้คนของเขา แล้วเขาแฮปปี้ ส่งรูปมาให้ แท็กอินสตาแกรมมาให้ดู พี่ก็มีความสุขไปอีกทอดนึงครับ“
“If you throw curry into a bin with recyclable plastic trash, then it’s game over. That plastic won’t be able to live again, it will sit for a long time alongside the rotting food waste. I know dealing with household waste can be head-spinning but for organic waste, the minimum you need to do is to separate the bins.
We Thais have a popular misconception that “It’ll all be thrown together in the end anyway.” I can’t guarantee that there is not a single trash truck in Thailand that does that, but if you separate stuff out, at least the plastic has a chance of going to a recycling center. There is no country in the world that has a super system where you can throw all the trash together and it can sort itself.
The most environmentally friendly way to dispose of food waste is to turn it into fertilizer. There is both art and science involved in this – but it’s not too complicated to try. Remember that when the food is rotten in the landfill, it produces methane which contributes to climate change.”
“พอผมบอกว่า ผมเป็นนักเศรษฐศาสตร์และนักดนตรีอิเล็กโทรนิกส์ คนจะคิดว่า ผมคงจะต้องทำงานด้านเศรษฐศาสตร์เพื่อหาเงิน และทำงานดนตรีเพื่อความสุขแน่ ๆ แต่จริง ๆ แล้วไม่เลย ผมชอบมีความเป็น “เนิร์ด” กับทั้งสองอย่างพอ ๆ กัน งานที่ผมทำจะต้องไปประจำที่ประเทศต่าง ๆ พอไปที่ประเทศนั้น ผมก็เป็นนักดนตรี แต่งเพลง และแสดงสดในงานที่นั่น มันก็ทำให้เราเข้าใจวัฒนธรรม ผู้คน ของแต่ละประเทศในระดับที่ลึกขึ้นไปอีกด้วย
แต่ผมไม่ใช่ดีเจนะ ผมไม่ชอบตามใจคนขนาดนั้น งานดนตรีที่ผมเป็นเหมือนการสร้างงานศิลปะเพื่อสนองความเนิร์ดของตัวเองมากกว่า
ผมเดินทางบ่อย ตั้งแต่เด็กจนโต พ่อแม่ของผมเป็นคนบังกลาเทศที่มาตั้งถิ่นฐานในอังกฤษ แน่นอนว่าด้วยหน้าตาของผม ทำให้ถูกเลือกปฏิบัติบ้างในบางประเทศ โดยเฉพาะในสนามบิน ซึ่งผมเข้าใจนะ แต่พอได้พูดแล้วคนจะรู้ทันทีว่าผมเป็นคนอังกฤษคนหนึ่ง การเดินทางมาก ๆ ก็ทำให้เราไม่สามารถสานสัมพันธ์กับผู้คนในแต่ละประเทศได้ยืนยาวนัก แต่สำหรับประเทศไทย ซอยอารีย์ ผู้คนที่นี่และความสัมพันธ์ปัจจุบัน ผมวางแผนและหวังว่าจะได้อยู่แบบไม่ต้องไปไหนแล้วครับ”
“ตอนผมฝึกพนักงานในยิม ผมให้พนักงานผมยืนบนเก้าอี้ และให้พยายามคิดถึงเนื้อเพลงที่ชอบ ในขณะที่คนอื่น ๆ นั่งดูอยู่ มันมีความประหม่า ถูกจับจ้อง กดดัน นั่นแหละ ความรู้สึกของคนที่เดินมาสมัครเป็นสมาชิกยิมเป็นครั้งแรก ยิมของเราเป็นยิมที่ไม่ได้หรูหรา ไม่ได้มีคนหล่อสวยมากมาย หลายคนไม่มั่นใจในรูปร่างของตัวเอง แต่อยากเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้น เราอยากให้พนักงานเราเข้าใจว่าความรู้สึกประหม่า ความรู้สึกดีไม่เท่าคนอื่นมันเป็นแบบนี้ เพื่อให้พวกเขาดูแลลูกค้าแบบเข้าใจความรู้สึกกัน
ช่วงนี้คนกำลังทำตาม New Year’s Resolution กันอยู่ หากว่าอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองให้สำเร็จ ต้องผ่านช่วงเดือนแรกให้ได้ก่อน ให้ร่างกายเราคุ้นชินกับพฤติกรรมใหม่และอาหารใหม่ให้ได้ก่อน แต่ที่สำคัญ เราต้องออกกำลังกายเพื่อผลลัพธ์ทางจิตใจก่อน เห็นผมแบบนี้ ผมเองก็อ้วนขึ้น ผอมลงตลอด แต่ผมมาวิ่งทุกเช้า เพื่อให้สมองหลั่งสาร ให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า ให้สุขภาพจิตดี ผมว่าควรเริ่มจากตรงนี้ก่อนครับ”
“แต่ก่อนมีเพื่อนคนอินเดียอยู่บ้างที่บ้านเช่าที่ดินแดงด้วยกัน แต่พอช่วงโควิดคนอื่น ๆ ก็กลับไปทีละคนสองคน จนหมดแล้ว ตอนนี้เหลือแค่ผมคนเดียว ตอนนี้ผมพยายามทำงานเพื่อเก็บสะสมเงินซื้อตั๋วเครื่องบินกลับกุสินาราครับ ไม่ได้กลับมา 4 ปีแล้ว มีเหลือจากค่าเช่าบ้าน ค่ากิน ก็สะสมไปทีละนิดครับ”