ย้อนกลับไปตอนที่เพจ เพจบ้านอารีย์ มีคนติดตามอยู่ 40 คน ฉันพูดเสมอว่าการบอกว่าฉันทำเพจ เพื่อนบ้าน อารีย์ เป็นอาชีพหลักก็ไม่ต่างอะไรกับการบอกว่าฉันไม่มีงานทำนั่นแหละ สองเดือนผ่านไป ฉันเห็นคนที่เห็นคุณค่าในสิ่งที่พวกเรา(ฮามิช + โจ้) ทำมากขึ้น ทำให้ฉันทำงานอย่างไม่มีหยุดหย่อน จนห่างไกลจากคำว่าว่างงานมากเหลือเกิน
คำชมจำนวนไม่น้อยมักพูดถึงว่า “ขอบคุณที่ทำให้อารีย์กลายเป็นชุมชนที่รู้จักกัน” นั่นคือสิ่งที่เราตั้งใจจะทำในตอนแรกเริ่ม จนกระทั่งการได้ทำความรู้จักเจ้าของร้านต่าง ๆ ในแต่ละซอยทีละช้า ๆ ทำให้พวกเราเข้าใจว่า อารีย์เป็นชุมชนที่สนิทชิดเชื้อกันดีอยู่แล้ว ฉันต่างหากที่ติดอยู่ในโลกส่วนตัว ฉันต่างหากที่อยู่มาได้ตั้งนานโดยไม่มีเพื่อนใกล้บ้านเลยซักคน ไม่ว่าจะตอนเด็ก ตอนนี้ หรือตอนไหน ๆ
คุณต้น เจ้าของร้านกาแฟละเลียด บอกกับฉันว่า อารีย์มักจะเป็นพื้นที่ที่คนรุ่นใหม่นึกถึงเมื่อต้องการลาออกจากงานประจำและเริ่มทำธุรกิจที่ตัวเองรัก — หลังจากได้คุยกับคนรุ่นใหม่เหล่านั้น (ที่บางคนมอบฉายาคุณต้นว่า เจ้าชายแห่งสโลว์ไลฟ์) ฉันก็พบว่าสิ่งที่เขาพูดคือความจริง
แพทและไอซ์แห่ง Paper Butter ลาออกจากงานประจำย้ายมาอยู่ที่อารีย์โดยไม่รู้จะทำอะไรที่นี่ แต่เพราะพวกเขาชอบย่านนี้ พลอยและบอม เปิดร้าน Oh Vacoda! ที่เมนูทุกอย่างเป็นอะโวคาโดเพราะทั้งสองรักในผลไม้ชนิดนี้ เฟิสและเดียร์ นักปั่นจักรยานทางไกล ที่เลือกเปิดเครปภูมิใจในซอยอารีย์เพราะเป็นสถานที่แฮงเอาต์โปรด เช็คและเฟิร์น ทำงานหามรุ่งหามค่ำในร้านล้างฟิล์ม Flashbox ที่ทั้งสองปลุกปั้นขึ้นมา
คนเหล่านี้ต่างเป็นคนอายุน้อยที่สร้างธุรกิจเล็ก ๆ จากความชอบของตัวเองทั้งสิ้น คนเหล่านี้รู้จักกันอย่างหลวม ๆ โดยมีซอยแห่งนี้เป็นจุดเชื่อมต่อ หากไม่มีอะไรตรงกัน ก็มีสิ่งหนึ่งคือพวกเขาต่างอยู่ใกล้ ๆ กัน สามารถเดินไปมาหาสู่กันได้
ในอดีตฉันทำงานสัมภาษณ์คนมาเยอะ แต่บอกเลยว่าปลื้มใจในการต้อนรับขับสู้ ความไม่มีพิธีรีตองของชาวอารีย์หนุ่มสาวเหล่านี้มาก เหมือนได้รับการต้อนรับเข้าแก๊งด้วยคน จนทำให้บางครั้งแอบคิดไปว่า
เอ๊ะ นี่เรามีเพื่อนใกล้บ้านแล้วสินะ?
Comments are closed.