ความทรงจำที่ดีที่ผ่านมาไม่นานมานี้ คือการได้นั่งกินมื้อเที่ยงกับเพื่อนบ้านที่รู้จักใหม่อย่าง เชฟเบลล์ แห่งรายการ Masterchef Thailand เป็นการพูดคุยที่ทั้งสนุกและเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ เพราะยิ่งคุยก็ยิ่งเจอเรื่องน่าทึ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้เต็มไปหมด

บ่ายหนึ่งที่อากาศร้อนจัดอีกตามเคย ฉันอยู่ที่ร้าน Kenny’s ร้านใหม่ที่เพิ่งเปิดที่พหลฯ ซอย 5 แบบหมาด ๆ ตรงข้ามกับ Feast Rajchakru นี่เอง การตกแต่งสีส้มสว่างสไว กำแพงอิฐ และเพลงอินดี้ป็อป พอจะทำให้เดาได้ไม่ยากว่านี่คือร้านอาหารสไตล์ คอมฟอร์ทฟู้ด แบบทานง่าย มากับเพื่อน ๆ มีคราฟท์เบียร์ดี ๆ มีฉายบอลให้ดู เผลอแปปเดียวอาจอยู่จนร้านปิด (ตีสาม) เอาได้ง่าย ๆ นี่แหละคือคอนเซปต์ของร้านใหม่ร้านนี้ เป็นจุดนัดพบที่เนืองแน่นไปด้วยผู้คนตลอดตั้งแต่เปิดมาได้ไม่ถึงสองเดือนที่ผ่านมา  

ฉันมีสัมภาษณ์ เชฟเบลล์ พิมพ์ทิพย์ เป้าศิลา หนึ่งในเชฟรับเชิญประจำเดือนนี้ของร้าน Kenny’s มีโปรเจ็คที่เรียกว่า Kenny’s & Friends ซึ่งเป็นการวางแผนจะร่วมมือกับเชฟ ศิลปิน เดือนละคนเพื่อรังสรรค์อะไรสนุก ๆ ออกมาให้ไม่ซ้ำกันในแต่ละเดือน และเชฟเบลล์คือคนแรกสำหรับโปรเจ็คนี้ เธอออกแบบเมนู 5 จาน ทั้งพิซซ่า เซวิเช่ ไปจนถึงไส้อั่วทอด ทั้งหมดได้รับแรงบันดาลใจมาจากกลิ่น รส และวัฒนธรรมของภาคเหนือที่เธอไปอยู่มาเป็นเดือนเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้ 

เบลล์ เป็นหนึ่งในผู้เข้าแข่งขันในรายการทีวีสุดโหด อย่าง Masterchef Thailand รายการที่สร้างชื่อเสียงและฐานแฟนคลับให้เธอไปไม่ได้น้อย แต่สิ่งฉันกลับรู้สึกตื่นเต้นมากกว่าที่รู้ว่า บ้านเธออยู่ในซอยราชครูนี่เอง

ครูสอนทำอาหารคนแรก: คุณยาย และทีวีแชมเปี้ยน

“ตอนเด็กเบลล์โตมากับยายค่ะ ยายเป็นคนเลี้ยง เพราะพ่อกับแม่ไปทำงาน คุณยายเป็นแม่หม้ายที่เลี้ยงลูก 5 คน แกจะเก่งเรื่องการทำอาหารมาก เบลล์ก็ช่วยยายเด็ดกระเฉด สอนให้จุดเตา จำได้ว่าเมนูเด็ดเลยคือ ปลาทอดขมิ้น กับต้มส้ม สูตรยะลาของคนยาย พอคุณยายป่วยติดเตียงและเสียไป เบลล์ก็เลยรับหน้าที่ทำอาหารให้ที่บ้านแทน พ่อแม่กลับมาเราก็ทำอาหารให้ อยู่กับพี่ชายปิดเทอม เราก็ทำข้าวเที่ยงให้พี่ชายกิน ตอนนั้นคือประถมนะ”

พิซซ่าหน้าข้่าวซอยสูตรเชฟเบลล์ เมนูพิเศษของร้านที่อร่อยอย่างบอกใคร

เบลล์ออกตัวว่าเป็นเด็กติดทีวีคนหนึ่ง และรายการที่สร้างแรงบันดาลใจในการทำอาหารคือรายการแข่งขันสุดคลาสสิกของยุค 90 อย่าง ทีวีแชมเปี้ยน ทำให้เธอได้รู้จักเมนูญี่ปุ่นอย่าง ทงคัตสึ เทมปุระ คงไม่ต่างอะไรกับเด็กยุค 90 ทั่วไป แต่ที่ต่างคือ เธอเห็นแล้วลองทำตามดูบ้างจริง ๆ วัยประถมของเบลล์ คือการทำอาหาร ทดลองหยิบโน้นผสมนี่อยู่คนเดียวในครัว และทำขนมไปขายเด็กข้างบ้าน เพื่อนที่โรงเรียน 

เอาจริงนะ ถ้าคุณผู้อ่านอยู่ในเหตุการณ์ ได้เห็นสายตาคุณเบลล์ตอนเล่าเรื่องพวกนี้ จะรู้เลยว่าเธอสนุกกับการทำอาหารจริง ๆ 

ทางที่ไม่ได้เลือก

พอเบลล์กลายเป็นวัยรุ่น ฝีมือและความชอบในการทำอาหาร ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไป แต่เบลล์มองว่าตัวเองเป็นคนที่ชอบทำอาหารทานเองในบ้าน ให้เพื่อนและครอบครัวมากกว่า เส้นทางการเป็นเชฟจึงไม่ใช่ช้อยส์มาตั้งแต่แรก

“จบการเงิน แล้วก็ไปต่อมาร์เก็ตติ้งค่ะ ไม่ได้เรียนทางด้านอาหารโดยตรงเพราะที่บ้านเขาค่อนข้างคอนเซอร์เวทีฟ บ้านเบลล์เขาเป็นข้าราชการกันทั้งคู่เลย เขาก็กังวลว่าถ้าเป็นเชฟจะมั่นคงไหม รายได้เป็นยังไง ส่วนตัวเราเองก็รู้แค่ว่า เป็นเชฟคือการเปิดร้านอาหารหรือเปล่า ซึ่งทำให้เราไม่กล้าเต็มร้อยที่ไปทางสายเชฟ เพราะก็ไม่ได้มีเงินทุนมาก แต่ก็ยังทำอาหารให้พ่อแม่กินตลอดนะ ทุกเสาร์อาทิตย์ก็ทำพาย ทำเค้ก ลองหาดูเอาจากนิตยสารแม่บ้านอะไรแนวนั้น”

เบลล์เรียนจบและได้งานแรกเป็น data analyst งานแรกที่ทำให้กลับบ้านมาร้องไห้ทุกวัน เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่เธอชอบเลย 

“จนกระทั่งดูทีวีแล้วมาเจอช่อง Asian Food Network เขากำลังหาพิธีกร นี่ก็เป็นเด็กติดทีวีอยู่แล้วเคยดูตลอด แอบคิดในใจว่าทำไมเขาไม่มีคนที่ทำอาหารไทยได้ในช่องนี้เลย สุดท้ายเลยตัดสินใจออกจากงานแล้วสมัครเลย สรุปว่าติดท็อป 5 จาก 800 กว่าคนที่สมัครมาจากทั่วเอเชียเลย

สุดท้ายก็ได้มีรายการเป็นของตัวเองอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ว่าไม่ได้ชนะจนผ่านเข้ารอบสุดท้าย ตอนนั้นเรารู้สึกกดดันตัวเอง ไม่เป็นตัวของตัวเอง เรากังวลไปหมด คนโน้นเขาภาษาแบบเนทีฟเลย คนนี้เขาเป็นเชฟมาก่อนมีประสบการณ์ คนนั้นเขาอายุมากกว่า มัวแต่คิดฟุ้งซ่านไปเองว่าเราจะสู้เขาไม่ได้

หลังจากที่แข่งใน Asian Food Channel เสร็จ เบลล์บอกกับตัวเองเลยว่า ถ้ามีโอกาสมาอีกเราจะเป็นตัวของตัวเองอย่างร้อยเปอร์เซ็น เราจะมั่นใจในความสามารถตัวเอง ข้างในเป็นยังไงก็ไม่รู้แหละ แต่เราจะมั่นใจไว้ก่อน”

ชอบอันนี้มาก เซวิชเช่กุ้งกับน้ำเสารส เสิร์ฟกับมันฝรั่งทอด

และแล้วโอกาสก็มาถึง: Masterchef Thailand

หลายปีถัดมา รายการ Masterchef Thailand ซีซั่น 5 เปิดรับสมัครในธีม homecook จะรับเฉพาะคนที่ไม่มีประสบการณ์ในอาชีพทางอาหาร ไม่เคยเรียน ไม่เป็นเชฟ ไม่เคยเปิดร้านมาก่อนเท่านั้น เรียกว่าโจทย์นี้ออกแบบมาเพื่อเธอเลย โอกาสมาก็ต้องรีบตะครุบไว้ทันที

“รายการเขาอยากให้เราเป็นตัวของตัวเองสุด ๆ อย่ากั๊ก ที่นี่เป็นเซฟโซนที่อนุญาติให้คุณได้เป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่ บางอย่างสถานการณ์ปกติเราก็จะไม่คิดอะไร ไม่พูดอะไร หรือบางเรื่องเราก็จะปล่อยผ่าน แต่ในรายการคือมีไรเราก็พูดเลย อยากแสดงสีหน้าอะไรออกมาก็ทำเลย ตัดความเกรงใจออกไป ซึ่งเราก็รู้สึกว่า เฮ้ย มันสนุกจังวะ”

“มันปรับ mindset เบลล์เลยนะ ก่อนหน้านี้เราเคยคิดว่าเราไม่มีทางเอาดีด้านอาหารได้หรอก ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่เราชอบ ความรู้ทางสายอาชีพก็ไม่มี มีแต่แพสชั่นล้วนๆ แต่พอออกมาจากมาสเตอร์เชฟ เรารู้สึกมั่นใจมากขึ้น ก็มีแต่คนทักเข้ามาว่าเมื่อไหร่จะทำของขาย อยากชิมฝีมือการทำอาหารที่เราทำ ทำให้เราเชื่อว่าถ้าเราจะทำอะไรในด้านอาหาร เราทำได้นะ”

ถึงแม้ว่าเบลล์จะไม่ได้ชนะซีซั่นนั้นแต่ก็ไปได้ไกลทีเดียว นอกจากนี้ยังได้แฟนคลับเป็นกระบุงในโซเชียลมีเดีย ที่ชื่นชอบในบุคลิก ยิ้มรอยกว้างๆ และเสน่ห์ปลายจวักของคนคนนี้

“หลังจากจบมาสเตอร์เชฟมานี่ก็ร้อนวิชาไง ยังไปเปิดบูธที่ Ari Weekend Market สอนทำขนมไทยอยู่เลย ประมาณสองปีที่แล้วเบลล์ทำพื้นที่ส่วนหนึ่งในบ้านแฟนที่ซอยราชครูให้เป็น cooking studio ของเราเอง ก็ได้เจอกับเพื่อนบ้านที่น่ารักอย่างพี่จอม พี่เป้า เจ้าของร้าน แม่ยุ้ย ซึ่งอยู่ใกล้บ้านมาก ๆ เราว่าอารีย์มันเป็นย่านที่มีความเป็นคอมมิวนิตี้ไม่เหมือนที่ไหนดี”

A Friend of Kenny’s

Kenny’s เป็นร้านใหม่ที่เพิ่งเปิดเมื่อเดือนพฤษภา 2023 นี้เอง เป็นร้านที่บอกต่อไปเร็วมาก โดยเฉพาะบอกต่อว่าร้านนี้เปิดถึงตีสาม คุณยู เจ้าของร้าน ผู้มีประสบการณ์อยู่ในวงการอาหารและเครื่องดื่มมาร่วม 20 ก็นั่งอยู่ในวงสนทนากับเราด้วย คุณยูเคยสร้างชื่อเสียงให้กับร้านเบอร์เกอร์ชื่อดังอย่าง 25 Degrees นี่เอง

คุณยู เจ้าของร้าน Kenny’s ก็มานั่งคุยกับเราด้วย

“ผมชอบอาหารที่มันสบายใจอ่ะ กินกับเพื่อน ๆ วางบนโต๊ะแล้วทุกคนมาแย่งกัน ผมชอบบรรยากาศแบบนี้ สำหรับที่ Kenny’s ผมอยากให้เป็นร้านอาหารประจำของละแวกนี้ เราตั้งราคาที่อยู่กึ่ง ๆ ระหว่าง comfort food กับ fine dining คือเราไม่ได้บอกว่าราคาอาหารเราถูกนะ แต่คนกิน กินแล้วต้องรู้สึกว่าคุณภาพมันแพงกว่าที่เขาเสียเงินซื้อไป”

คุณยูเสริมเกี่ยวกับร้านอาหารใหม่ของย่านแห่งนี้ ขณะที่เบลล์ก็เริ่มลงมือทานพิซซ่าหน้าข้าวซอยที่เธอคิดเองที่อยู่เบื้องหน้า

“ส่วนที่ร้าน Kenny’s เนี่ย เบลล์ไม่ได้รู้จักมาก่อนนะ มันเป็นทางเข้าบ้าน ก็เลยผ่านบ่อย ก็มอง ๆ คิดว่าร้านใหม่นี่มาเปิดจะขายอะไรนะ หน้าตาเหมือนขายไก่ทอด รูธเบียร์ เชียร์กีฬาอะไรประมาณนั้น ก็ลองมากินกับแฟน มาชิมแล้วเราก็โอเค ร้านนี้เป็นร้านที่กลับมากินซ้ำได้ มีคืนนึงที่ร้านฉายบอลลิเวอร์พูลพอดี เราก็เลยนั่งอยู่จนดึกหน่อย (ร้านปิดตีสาม) ก็บังเอิญได้คุยกับพี่ลูกค้าคนนึงเขาแนะนำให้รู้จักคุณยูเจ้าของร้าน พ

อได้คุยแล้วรู้สึกว่าแนวคิดในการทำอาหารของเราตรงกัน คือเราชอบเรียลฟู้ด อาหารที่ไม่ยาก ไม่ต้องประดิษฐ์ประดอย ไม่ต้องยึดติดกับอะไรเดิมๆ หรือต้องบรรยายอะไรมากขนาดนั้น เราชอบอาหารที่กินง่าย เข้าถึงคนทาน และชอบใช้ของดีในการทำอาหารเหมือนกัน”

เบลล์พูดไปก็ขำคิกคักไป แอบยอมรับถึงความเมาของตัวเองตอนนั้นที่ตอบตกลงโปรเจ็คนี้ไป

ให้ทายว่าทำอะไร …เช็ดกระจกจ้า

“พอได้คุยแล้วรู้สึกว่าแนวคิดในการทำอาหารของเราตรงกัน คือเราชอบเรียลฟู้ด อาหารที่ไม่ยาก ไม่ต้องประดิษฐ์ประดอย ไม่ต้องยึดติดกับอะไรเดิมๆ หรือต้องบรรยายอะไรมากขนาดนั้น เราชอบอาหารที่กินง่าย เข้าถึงคนทาน และชอบใช้วัตถุดิบที่ดีในการทำอาหารเหมือนกัน

คุยไปซักพักคุณยูเขาก็บอกว่าเขาอยากจะมีเชฟรับเชิญเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แต่ละเดือน เราเห็นแล้วแบบรู้สึกอยากเล่นด้วย ก็เลยตอบตกลงไปค่ะ เบลล์ก็ลองคิดเมนูที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการไปอยู่จังหวัดทางภาคเหนือมาเมื่อไม่นานมานี้ เราได้ใช้วัตถุดิบจากชุมชน อย่างเช่นไส้อั่ว พริกกะเหรี่ยงย่าง เม็ดมะตูมแขก เอาผักชีลาวมาใส่พิซซ่า เอามาประยุกต์ใช้กับเมนูต่าง ๆ ของร้าน และเราได้เล่าเรื่องผ่านอาหาร และเลือกวัตถุดิบที่ดีมาให้ลูกค้าค่ะ”

“เชฟเบลล์”

จะหางั้นงี้ก็ได้นะ ความคิดเราในตอนแรกก่อนจะมาสัมภาษณ์ การเป็นเชฟนี่มันคือจุดสูงสุดของสายอาชีพอาหารเลยนะ คงต้องประสบการณ์ที่สะสมมานาน การเข้าร่วมรายการทำอาหารจะทำให้เราได้สถานะเชฟเลยหรือ? 

กลายเป็นว่าเบลล์เองก็ใคร่ครวญกับคำถามนี้มาพอสมควรเช่นกัน

“เราทำอาหารกินเองที่บ้านมาตั้งแต่เด็กอ่ะ แต่เอาจริง ๆ เราไม่เคยกล้าเรียกตัวเองว่าเชฟเลยนะ จนกระทั่งมาทำที่ Kenny’s เนี่ยแหละ เรามองว่าตอนนี้เราทำอาหารอย่างดีด้วยความชอบ เราออกแบบแต่ละเมนูจากความคิดและประสบการณ์ของเรา เบลล์ชอบอาหารวัตถุดิบบ้าน ๆ ที่หาได้ง่าย ๆ มาใส่ไอเดียใส่ความสนุกลงไป เราออกแบบเมนูที่ทำให้คนนึกถึงธรรมชาติที่ภาคเหนือ นึกถึงภูเขาอยากให้คนกลับมาสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติของภาคเหนือบ้าง เพราะต้นปีเราเจอปัญหาฝุ่นควันกันหนักมาก เบลล์ซื้อปลาตรงจากแพปลาเอง คัดวัตถุดิบเอง ลูกค้าทานอาหารเราแล้วเขาแฮปปี้ มีความสุข กลับมาทานซ้ำ อันนี้คือคำว่าเชฟสำหรับเรา ซึ่งถามว่าภูมิใจไหม บอกเลยว่า มากกก!”

เชฟเบลล์ที่หอบเอาชุดเชฟมาถ่ายแบบเต็มยศด้วย (แค่ท่อนบนนะ!)

Comments are closed.