Category

ชาวอารีย์

Category

พบกับผู้คนแห่งย่าน อารีย์ – สะพานควาย ทำความรู้จักแง่มุมเล็ก ๆ ในชีวิตของแต่ละคน เปรียบเสมือนการเดินผ่านและทักทาย เพื่อนบ้าน ไปจนถึงรับฟังความฝันและเรื่องราวชีวิตของแต่ละคน

“เรามีพนักงานชาวต่างชาติสองคน คือตี้กับจิ อยู่กับเรามาตั้งแต่สมัยทำร้าน Summer Street เลย 8 ปี ไม่ว่าจะย้ายไปตรงไหนเขาก็ไปด้วย จนมาเปิด SummerSummer ตรงปากซอย 4 ได้แปปเดียว เจอล็อกดาวน์สั่งปิดรอบที่ 4 เริ่มไม่ไหวละ ทองเทิงพี่ขายเกลี้ยง ทุกคนเริ่มสละเรือ ตัดสินใจขายอุปกรณ์ต่าง ๆ ปิดร้าน น้อง ๆ คนอื่น ๆ ก็แยกย้ายกลับประเทศไปบ้าง แต่ตี้กับจิ เขาบอกว่าเขาไม่ไปจะอยู่กับช่วยเราต่อ

ปกติคนมากินร้านเรา เขาไม่ได้ชมพี่นะ เขาชมว่าสองคนนี้บริการดี เขาใจสู้ ตอนลำบากเขาก็เสียสละตลอด จนวันนึงพี่ก้าบ หุ้นส่วนพี่โทรมาบอกว่า จะลองกันอีกซักตั้งไหม พี่เลยถามว่า เปิดใหม่ครั้งนี้เราทำเพื่อใคร เพราะงานพวกพี่มีทำ พี่เองมีลูกอ่อนต้องเลี้ยง อาจจะไม่ได้เดือดร้อนขนาดนั้น แต่ถ้าเปิดให้น้องสองคนได้มีงานทำพี่เอาด้วย ก็เลยออกมาเป็นร้านปลาหมึกย่าง “ซัมป็อก” ที่เห็นตอนนี้”

“เป็นแพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัยค่ะ แต่วันนี้มาเรียนวาดรูปกับคุณครูแป๋ม พอดีเห็นในไลน์ก็เลยสนใจ หมอเป็นคนชอบเรียนอยู่แล้วค่ะ ตอนนี้หมอ 65 แล้ว แต่ก็รู้สึกอยากเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ไปเรื่อย ๆ เรียนวาดรูป เล่นกีฬาใหม่ ๆ เรียนจัดดอกไม้ แล้วก็เอาไปสอนแม่บ้านที่บ้านต่อ จนตอนนี้เขาขอไปเปิดร้านของตัวเองเลย

ในเรื่องของการแพทย์เอง หมอจบแล้วก็เรียนแพทย์แขนงอื่นไปเรื่อย ๆ พอได้อายุรกรรม ก็ไปเรียนเภสัชฯ เพื่อจะได้ปรุงยาได้ แล้วก็เรียนแพทย์แผนจีน แผนไทย เรียนไปเรื่อย ๆ ค่ะ จากการเรียนทั้งหมดทำให้หมอพูดได้ว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือการรักษาสุขภาพจากภายใน

หมอว่าศิลปะมันสำคัญกับชีวิตนะคะ หมอคิดว่ามันทำให้เรานิ่งลง และสามารถสัมผัสกับความรู้สึกมากขึ้น อย่างวันนี้หมอมาเรียนวาดภาพก็รู้สึกว่าได้อยู่กับตัวเอง เชื่อไหมคะว่าความป่วยต่าง ๆ กว่า 70% มีตัวกระตุ้นมาจากความเครียดภายในทั้งนั้น หมออยากฝากบอกน้อง ๆ วัยรุ่นไว้แบบนี้ค่ะว่า “เราทำใจให้สงบ ลดความเครียด แล้วร่างกายเคลื่อนไหว ทำอะไรอยู่ตลอด” จะดีที่สุด”

“ตอนแรกเรากล้า ๆ กลัว ๆ กันมาเป็นปีเลย เราคิดเรื่องเปิดร้านขายงานดีไซน์มานาน แต่ใจไม่กล้า จนเจ้าของที่ให้เช่าเขาถามว่าจะเอาไหม เพราะเขาจะปล่อยให้คนอื่น และด้วยความที่บ้านเราอยู่อารีย์ด้วย ก็เลยคิดว่า ถ้าเดินผ่านแถวนี้แล้วมันเป็นร้านอื่นมันคงจะเจ็บใจมากก็เลยตัดสินใจ เอาวะ ลุย เปิดทั้งที่มีโควิดนี่แหละ

ตอนนี้ก็เปิดมาได้เดือนนึงแล้ว คนแถวนี้ก็เดินมาดูบ้าง เพราะหน้าตาเหมือนร้านขายของชำ เขาก็ดีใจจะได้ไม่ต้องเดินไปเซเว่น บางคนก็แนะนำว่าทำไมไม่เอาอันนั้นอันนี้มาขาย ให้ความรู้สึกเหมือนร้านชำสมัยก่อน แต่คนที่สนใจเรื่องงานออกแบบจริง ๆ ตอนนี้จะเป็นชาวต่างชาติซะส่วนใหญ่ค่ะ

เรากับเอกทำงานนิตยสารแฟชันมาหลายปี ก็จะเจอเพื่อน ๆ น้อง ๆ ที่ทำงานออกแบบเหมือนกันอยู่เยอะ เลยอยากสร้างแบรนด์ของตัวเอง ในขณะที่เราเปิดร้านให้เป็นพื้นที่คนสายครีเอทีฟคนอื่น ๆ ด้วย ต่อไปอยากทำด้านในร้านให้เป็นพื้นที่ใช้จัดนิทรรศการก็ได้ หรือใครอยากมานั่งทำงานก็ได้ อาจจะมีอาหารอย่างสองอย่าง ฟีลเหมือนไปบ้านเพื่อนแล้วถามว่า วันนี้มีอะไรกินบ้าง

แต่ก่อนจะถึงจุดนั้น ตอนนี้ขอเอาให้ร้านที่เปิดมามันอยู่ตัวก่อน”

“ก่อนจะเปิดร้านนี้ ผมเป็นมนุษย์คนเดือนมาก่อน ทำงานตำแหน่งผู้จัดการของคอนโดเครือโนเบิล ทำมาเป็นสิบปีพอไปถึงจุดหนึ่งก็รู้สึกมันไปต่อไม่ได้ เราเลยออกมาทำธุรกิจเล็ก ๆ ของตัวเอง เคยเห็นช่างที่ดูแลรองเท้าที่ญี่ปุ่นแล้วรู้สึกว่า เออ เขาทำกันจริงจังเป็นกิจลักษณะ มีเครื่องไม้เครื่องมืออะไรเต็มที่เลย บ้านเราถ้าพูดถึงซ่อมรองเท้าก็อาจจะถึงตามห้าง ที่อาจจะรับทำกุญแจควบคู่ไปด้วย เลยบอกกับตัวเองว่าจะลองทำร้านซ่อมและทำความสะอาดรองเท้าแบบดี ๆ ซักที ขนาดกระเป๋าเขายังมีสปากระเป๋าเลย ก็เลยไปศึกษาดู

เปิดมาตอนแรก โอ้โห เดือนนึงได้ 4 คู่ก็ถือว่าเยอะแล้วครับ คนอาจจะยังไม่เข้าใจว่าดูแลรองเท้าจะต้องอะไรมากมาย จริง ๆ ช่วงนั้นก็อยู่ไม่ได้ครับ ต้องขายรองเท้ามือสองควบคู่ไปด้วย พอมาเจอโควิด คนออกจากบ้านไม่ได้ คนเสิร์ชหา มีออเดอร์ออนไลน์มากขึ้น ก็เริ่มเป็นที่รู้จัก

พอคลายล็อกดาวน์ ตัดสินใจลดขนาดร้านลง ตกแต่งร้านใหม่ให้สะอาดแบบจริงจังเลย เครื่องมือทุกอย่างพร้อม ก็มีลูกค้าเรื่อย ๆ แล้วครับ – อนาคตผมอยากให้ร้านของผมเป็นส่วนร่วมกับชุมชนชาวอารีย์มากขึ้นนะ คิดตลอดว่าอยากมีโปรเจ็กต์อะไรที่เราได้ทำร่วมทำสิ่งใหม่ ๆ ด้วยกัน เพราะเราจะอยู่ตัวคนเดียวกันไปทำไม จริงไหม”

“ส่งลูกห้าคนเรียนด้วยการขายไอติมครับ สมัยก่อนลำบาก เมียเก่าเขาทิ้งลูกไว้ให้เลี้ยงสองคน กับเมียใหม่รวมลูกติดด้วยก็อีกสาม มันก็มีปัญหาหนี้สินเพราะส่งเสียพร้อมกันหมด แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยเข็นขายไอติมนี่แหละ แต่ก่อนเข็นขายไอติมตามซอยแล้วมันไม่ทันกิน ขายยังไม่ได้เท่าไหร่ก็หมดวันก่อน เก็บเงินซื้อสามล้อเครื่องมาคันนึง ก็เริ่มขายได้มากขึ้น ทำงานหนักสู้หน่อยก็ผ่านมาได้

สิบโมงก็ออกจากบ้านที่ซอยราชวัตร จะมาขายดีสุดตรงตึกทรัพยากรน้ำ แล้วก็ไปตึกทิปโก้ แล้วก็ซอยพหลฯ 11 ก็หมดวันพอดี ขายทุกวัน วันละสิบชั่วโมง นาน ๆ สองสามเดือนจะหยุดไปทำธุระที ถามว่าเหนื่อยไหมมันก็ไม่เหนื่อยแล้วนะ มันชิน เจ้าของบ้านแถวนี้เขาจำหน้าได้ เขารู้แล้วว่าผ่านตอนกี่โมง ก็จะซื้อประจำ บางวันออกไปต่างจังหวัดเขาก็บอก “ฝากดูบ้านด้วยนะ” คือเห็นเรามานานจนเขาไว้ใจ

ไม่ได้อยากจะเก็บเงินไปซื้อของอะไรให้มันยุ่งยาก ขายแบบเดิมนี่แหละ อีกอย่างคือหนี้สินอะไรเราก็หมดแล้ว วันหนึ่งหาได้สามสี่ร้อยก็เอาไว้กินวัน ๆ ไป เหลือก็เก็บไว้กินตอนแก่ เผื่อลูกมันไม่เลี้ยงจะได้มีใช้ วันไหนเหลือเวลาหน่อยก็เดินไปเล่นกับหลาน ชีวิตผมมีแค่นี้แหละครับ”

“พี่จุ๋มขายอยู่ตรงนี้ได้จะครบ 6 ปีแล้ว สมัยก่อนก็เช่าที่ของญาติแฟนขายอาหารตามสั่งอยู่ตรงซอยหนึ่งเนี่ยแหละ เดี๋ยวนี้เขาต่อเติมกลายเป็นโครงการอะไรนะ อ้อ เอ-วัน “โครงการ เอ-วัน” เขาทำดีเชียว ข้างบนมันเป็นบาร์ด้วยนะ แต่เราก็ต้องมาขายข้างทาง จะขายตามสั่งเหมือนเดิมก็ไม่ได้ เขาไม่ให้ล้างกระทะ ก็เลยเป็นก๋วยเตี๋ยวกลางคืน ทำไปทำมา เห็นพวกวัยรุ่นไปเที่ยวกลับมาดึก ๆ ก็ทำข้าวต้มด้วยเลย จะได้ซดให้คล่องคอ

แต่ก่อนห้าทุ่มเที่ยงคืนยังมีคนมากินอยู่เลย เดี๋ยวนี้ไม่รู้จะติดแก๊ซอุ่นหม้อไว้ทำไม สี่ทุ่มก็เก็บแล้ว มันไม่มีคน ข้าวของก็แพง หมูเดี๋ยวนี้จากโลละ 140 เป็นโลละ 160 ขึ้นทีกำไรเราก็หาย ก็ไม่พอกิน อย่างอื่นก็ขึ้น พักหลังมานี้เอาแต่ขึ้นอย่างเดียวไม่ลงเลย เราก็อยากจะขายเท่าเดิม เอาตรง ๆ นะ ถ้าให้น้อยลูกค้าเขาเคยกินประจำเขาดูรู้แหละ”

“คิดถึงการเช็กอินให้ลูกค้ามากค่ะ คิดถึงบรรยากาศการทำอาหารเช้า ตอนนี้ได้กลับมาทำแล้ว เพราะประเทศเราเปิด แขกบางคนนั่งรอเลยนะ พอประเทศไทยประกาศว่ากักตัวแค่วันเดียวได้แค่ 10 นาที ปุ๊บ มีคนจองเข้ามาเลย เหมือนเค้าอึดอัด อยากเที่ยวกันมาก แล้วมาทีเค้าจองสามอาทิตย์เลย ส่วนใหญ่พวกนี้เขาจะเป็น Digital Nomad ย้ายที่อยู่ไปเรื่อย ๆ ค่ะ

งาน Your Neighbor Clotheswap เป็นงานแรกที่มาจัดในรอบ 1 ปีเลย จัดอะไรครั้งสุดท้ายคือคือคริสมาสต์ปีที่แล้วเลย แถมวันอาทิตย์ก็มีอีกอีเว้นต์ต่อเลยด้วย เราก็รู้สึกตื่นเต้นที่ตอนนี้เรากลับมาคึกคัก มีชีวิตชีวาเหมือนเดิมหลังจากหายเงียบจ๋อย ๆ กันไปนานค่ะ”

“ช่วงนี้เราย้ายคอนโดพอดี ก็เลยมีเสื้อผ้ามาแลกค่อนข้างเยอะค่ะ ไหน ๆ ย้ายที่อยู่ใหม่ก็เลยจะถือโอกาสเปลี่ยนเสื้อผ้าในตู้ใหม่ไปเลย เสื้อเอวลอยแคนกุด สีดำตัวนี้ ซื้อมาจากร้านตลาดธรรมดา ๆ มีช่วงหนึ่งใส่ค่อนข้างบ่อย ใครที่ได้ตัวนี้ไป เราแนะนำให้ใส่กับยีนส์เอวสูงก็สวยนะ หรือถ้าไปทะเลอาจจะใส่กับขาสั้นและมีสายบิกินีด้านในก็ดูดีทีเดียวเลยค่ะ”

“เสื้อผ้าพวกนี้เราเก็บไว้ซักพักแล้ว พยายามชั่งใจว่าจะเอากลับมาใส่หรือจะเก็บไว้เอาไปแลกในงานดี เราผูกพันกับเสื้อผ้าเกือบทุกชิ้นที่มี ซึ่งบางทีมันก็ทำให้ปล่อยวางยาก แต่ตัวไหนที่เราเอามาแลกแล้ว คือชิ้นที่เราอยากให้คนอื่สร้างความทรงจำที่ดีกว่าให้กับมัน

อยากแนะนำว่า เสื้อผ้าตัวไหนที่ทำให้นึกถึงแฟนเก่า ให้เอามางานสว็อปเลยค่ะ เหมาะมากที่จะเอามาแลกเปลี่ยนและปล่อยมันออกไปจากชีวิต มันอาจให้ความรู้สึกเหมือนการบำบัดและเป็นของขวัญเล็ก ๆ กับชีวิต จำได้ว่าเราไปงานสว็อปแบบนี้ตอนเลิกกับแฟนเก่า เราเอาทุกอย่างที่ทำให้นึกถึงเขาออกไปหมดเลย เหมือนสวรรค์มาโปรดเลยเพราะวันนั้นได้ของเก๋ ๆ กลับไปเพียบ อย่างเช่นกางเกงยีน Levi’s เอวสูง ที่ใส่ประจำด้วย

เราไม่รู้หรอกว่าจะได้อะไรจากการ Swap บ้าง เราอาจะได้แค่ความรู้สึกได้ปลดปล่อยก็ยังดีนะ”

“วันนี้เราคัดเสื้อผ้าที่คิดว่าคงไม่ได้ใส่แล้วในตู้ ซักและรีดเรียบร้อยเตรียมเอาไปแลกกับเพื่อนในงาน Your Neighbor Clotheswap วันเสาร์นี้ครับ หลายตัวสภาพดีมาก แต่ซื้อมาใส่ทีเดียวเพราะขี้เกียจลดความอ้วนเพื่อให้ใส่เสื้อผ้าพวกนี้ให้ได้แล้ว เอาไปแลกกับคนอื่นที่มันดีต่อใจดีกว่า ฮ่า ๆ

ช่วงนี้เจอใครก็จะต้องพูดถึงงาน Clotheswap ให้เขาฟังตลอด ส่วนใหญ่คนจะฟังแล้วก็จะงง ๆ หรือไม่หลายคนก็จะรู้สึกตะขิดตะขวงใจกับเสื้อผ้ามือสอง อยากให้คิดว่า ไม่ต้องสนใจเรื่องประเด็นสิ่งแวดล้อมที่เรากำลังนำเสนอก็ได้นะ เราจัดงานนี้ส่วนหนึ่งก็เพื่อที่จะเป็นโอกาสให้คนได้เจอกัน ปีนี้เราอุดอู้อยู่กับตัวเองกันมานาน ก็เลยอยากให้ออกมาเจอเพื่อนใหม่ ๆ นั่งเล่นนั่งคุยกันเนอะ”