ย้อนกลับไปตอนที่เพจ เพจบ้านอารีย์ มีคนติดตามอยู่ 40 คน ฉันพูดเสมอว่าการบอกว่าฉันทำเพจ เพื่อนบ้าน อารีย์ เป็นอาชีพหลักก็ไม่ต่างอะไรกับการบอกว่าฉันไม่มีงานทำนั่นแหละ สองเดือนผ่านไป ฉันเห็นคนที่เห็นคุณค่าในสิ่งที่พวกเรา(ฮามิช + โจ้) ทำมากขึ้น ทำให้ฉันทำงานอย่างไม่มีหยุดหย่อน จนห่างไกลจากคำว่าว่างงานมากเหลือเกิน
มีคนเคยบอกว่าการ ” ย้ายบ้าน ” เป็นสิ่งที่น่าปวดหัวที่สุดอย่างหนึ่ง
ฉัน ย้ายบ้าน ใหม่มาได้ 1 สัปดาห์ ขอคอนเฟิร์มด้วยประสบการณ์สด ๆ ร้อน ๆ เลยว่า เป็นสิ่งที่ชวนให้ทึ้งหัวตัวเองเป็นที่สุด การต้องกวาดเอาของออกจากทุกตู้ทุกลิ้นชัก แยกของใช้ของทิ้ง แยกประเภทแยกห้องใส่กล่อง แบกของขึ้นรถทีละวัน ๆ ดูจะเป็นสิ่งที่เหนือบ่ากว่าแรงมาก จนกระทั่งทำมันจนเสร็จจนได้
ทำ เพจ เพื่อนบ้านอารีย์มาสองเดือนแล้ว ความตื่นเต้นในการปล่อยทุกโพสต์ไม่ได้น้อยลงไปเลย ก่อนหน้านี้เราไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นชาวอารีย์ซักนิด คิดว่าเป็นมนุษย์คอนโดธรรมดาที่อาศัยอยู่ชั่วคราว เพราะไม่กล้าคุยกับใคร
“ขายดีไหมป้าช่วงนี้”
เป็นสิ่งใหม่ที่ฉันเพิ่งเรียนรู้ที่จะลองทำเป็นนิสัย คนขายผัก ป้าขายขนมจีบ ลุงขายก๋วยเตี๋ยว ไปจนถึงร้านเสื้อผ้านำเข้ารายย่อย ธุรกิจเป็นอย่างไรบ้าง ทุกคนดูเหมือนมีคำตอบเดียวกันที่จุกอกรอให้คนมาถามอยู่ มันเหมือนกับการถามคนรอบตัวว่า “ช่วงนี้เป็นไงบ้าง โอเคนะ?” เวอร์ชันสำหรับถามคนในชุมชนที่เราไม่รู้จัก
เราตั้งใจทำ “ เพื่อนบ้าน อารีย์” ให้กลายเป็นงานหลักของเราให้ได้ ซึ่งมันก็ไม่ต่างอะไรจากการบอกว่า “ฉันว่างงาน” นั่นแหละ สถานะว่างงานในช่วงโควิดและการบริหารงานแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากหุบเหวแห่งความสิ้นหวัง แต่นั่นก็หมายความว่าเรามีเวลาล้นเหลือที่จะทำสิ่งที่เรียกว่าการ “ เดิน เล่น”
ถึงเพื่อนบ้าน
ที่จริงเราตั้งใจเปิดตัวคอลัมน์นี้ด้วยข้อความที่สดใสกว่านี้ เพราะเราอยากขอบคุณทุกคนที่ให้การตอบรับเราอย่างดี แต่ด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ เราไม่สามารถพูดหรือคิดเรื่องอื่นได้เลย นอกจากความปลอดภัยของตัวเอง เราเชื่อว่าผู้อ่านทุกคนก็คงคิดเหมือนกัน